ดูเหมือนว่าผู้คนไม่มีแนวคิดนี้ในใจเมื่อพวกเขาพูดถึงวิธีการผสมพันธุ์บางอย่างว่า

ดูเหมือนว่าผู้คนไม่มีแนวคิดนี้ในใจเมื่อพวกเขาพูดถึงวิธีการผสมพันธุ์บางอย่างว่า

 ‘ผิดธรรมชาติ’ สิ่งนี้มักจะตามมาด้วยการโต้แย้งว่าเนื่องจากการขาดความเป็นธรรมชาติ วิธีการผสมพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ของพวกมันควรหลีกเลี่ยงหรืออย่างดีที่สุดคือการควบคุมอย่างเคร่งครัดและกว้างขวาง ในการโต้วาที ฉันมักจะใช้ตรรกะเดียวกันกับเกษตรกรรม: ผู้เพาะพันธุ์ยังเรียนรู้จากธรรมชาติและใช้ความรู้นั้นเพื่อผลิตพันธุ์ที่ดีกว่าสำหรับเกษตรกร ผู้แปรรูป และผู้บริโภค ตรรกะยอดนิยมที่พบได้ทั่วไปอาจทำให้

เกิดปัญหาพื้นฐานเมื่อมีการกล่าวถึงประเด็นนโยบาย

ที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนของเรา เช่น การตัดต่อยีน การอภิปรายอย่างมีเหตุผลสามารถมุ่งเน้นไปที่ความเสี่ยงและอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของมนุษย์ (และสัตว์) และสิ่งแวดล้อม มันจะซับซ้อนมากขึ้นเมื่อข้อโต้แย้งทางเศรษฐกิจและสังคมเข้าสู่การอภิปราย เช่นบทบาทของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการและแนวโน้มการกระจุกตัวในอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ แต่มันกลายเป็น

ปัญหาอย่างมากเมื่อจริยธรรมและคำเฉพาะเช่น

 ‘ธรรมชาติ’ ‘คุณค่าที่แท้จริง’ และ ‘ความสมบูรณ์ของจีโนม’ ถูกโยนเข้าสู่การถกเถียง ผลลัพธ์ทั่วไปคือเราสูญเสียแนวทางการคิดและเริ่มพูดให้ดังขึ้นและดังขึ้นในสิทธิทางวิทยาศาสตร์ (โดยธรรมชาติ) ของเราหรือเงียบเพราะเราหลงทางโดยสิ้นเชิง ปฏิกิริยาทั้งสองไม่น่าจะเกิดผล ผลลัพธ์ทั่วไปคือเราสูญเสียแนวทางการคิดและเริ่มพูดให้ดังขึ้นและดังขึ้นในสิทธิทางวิทยาศาสตร์ (โดยธรรมชาติ) ของเราหรือเงียบ

เพราะเราหลงทางโดยสิ้นเชิง ปฏิกิริยาทั้งสอง

ไม่น่าจะเกิดผล ผลลัพธ์ทั่วไปคือเราสูญเสียแนวทางการคิดและเริ่มพูดให้ดังขึ้นและดังขึ้นในสิทธิทางวิทยาศาสตร์ (โดยธรรมชาติ) ของเราหรือเงียบเพราะเราหลงทางโดยสิ้นเชิง ปฏิกิริยาทั้งสองไม่น่าจะเกิดผลเมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันพบแนวคิดที่ช่วยให้ฉันเข้าใจว่าคำพูดดังกล่าวอาจมาจากไหน ในความสัมพันธ์ระหว่างเรากับธรรมชาติ ใช่แล้ว 

ธรรมชาติยังคงมีความสำคัญ 

ทุกคนล้วนมีจุดเริ่มต้นเฉพาะตัว เราสามารถพิจารณาตัวเองว่าเป็นผู้ปกครอง สจ๊วต หุ้นส่วนหรือผู้มีส่วนร่วม เดิมถือว่ามนุษย์เป็นเจ้าของธรรมชาติซึ่งเราจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการ “ผู้ปกครอง” สามารถใช้ธรรมชาติตามความต้องการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อธรรมชาติ การทำเหมืองและการตัดไม้ทำลายป่านำมาซึ่งความมั่งคั่ง แต่ก็ทำลายวัฒนธรรมด้วย เช่น วัฒนธรรมของเกาะห่างไกลในมหาสมุทรแปซิฟิก

เมื่อฐานทรัพยากรธรรมชาติหมดลง “สจ๊วต”

 ไม่มีปัญหาในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกรับผิดชอบต่อการใช้นี้ ซึ่งแปลโดยทั่วไปในแง่ของการหลีกเลี่ยงการทำให้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติหมดไป เพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้

รับประโยชน์ด้วย นี่เป็นแนวทางทั่วไปในยุคแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนของเรา อย่างไรก็ตาม “พันธมิตร” นอกเหนือไปจากวิธีการปฏิบัตินี้ในการหลีกเลี่ยงความ

อ่อนล้าเพื่อประโยชน์ของธรรมชาติ

คุณค่าเฉพาะถูกกำหนดให้กับธรรมชาติและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ประการสุดท้าย “ผู้เข้าร่วม” ไม่สามารถใช้ธรรมชาติได้อย่างแท้จริงเพราะเขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นการรับรู้ส่วนบุคคลที่หล่อหลอมความคิดของเราเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่าง

Credit : สล็อต / ยูฟ่าสล็อต