ไวรัสซิกา โรคที่มากับหน้าฝน กรมควบคุมโรค ห่วงกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ พร้อมเปิดวิธีป้องกัน

ไวรัสซิกา โรคที่มากับหน้าฝน กรมควบคุมโรค ห่วงกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ พร้อมเปิดวิธีป้องกัน

โรคที่มากับหน้าฝน 2565 เตือนช่วงฝนตกประชาชนระวังโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ห่วงกลุ่มหญิงตั้งครรภ์เพราะโรคมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงก่อความพิการทางสมองในทารก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 เกี่ยวกับการติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกา ปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 26 กรกฎาคม 2565

โดยจากรายงานพบผู้ป่วยทั่วประเทศ 92 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต 

กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 25-34 ปี พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ ภาคเหนือ 5 จังหวัดที่พบอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุดคือ จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ กรุงเทพมหานคร เชียงราย และจังหวัดนนทบุรี

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาช่วงปี 2565 นี้ มีตัวเลขสูงขึ้นกว่าปี 2564 ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงคือ ความพิการทางสมองและระบบประสาทในทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อไวรัสซิกา ส่งผลให้ทารกที่เกิดมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติและพัฒนาการล่าช้า เป็นต้น

กรมควบคุมโรค พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนและระหว่างสัปดาห์นี้จนถึงสัปดาห์หน้าคาดจะมีฝนตกในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้มีน้ำขังตามภาชนะต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายพาหะนำโรค

นอกจากนี้ เชื้อยังสามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ รวมไปถึงติดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อด้วย โดยผู้ติดเชื้ออาจมีอาการแสดงคือ ผื่นแดงตามลำตัวและแขนขา ไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง ปวดข้อ

หากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ สำหรับประชาชนทั่วไป ขอความร่วมมือช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้านและโรงเรียนทุกแห่ง โดยใช้มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ตำรวจทางหลวง ยืนยัน ไม่พบศพ ภายในเหตุ รถคว่ำชลบุรี

ตำรวจทางหลวงร่อนประกาศแถลงยืนยัน ตรวจอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบศพ หรือผู้ได้รับบาดเจ็บภายใน รถคว่ำชลบุรี ในช่วงเวลาเกิดเหตุ จากกรณีที่ รถคว่ำชลบุรี ที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่พบศพในช่วงเกิดอุบัติเหตุ หรือช่วงเช้า แต่ช่วงค่ำมีรายงานว่าพบร่างผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์นั้น ล่าสุดทางตำรวจทางหลวงได้ร่อนประกาศ ยืนยันว่าทางตำรวจทางหลวงไม่พบศพผู้เสียชีวิตติดอยู่ในตัวรถ

จากการสั่งตรวจสอบความจริง โดย พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. เกี่ยวกับ กรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำ กลางถนนมอเตอร์สาย 7 ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 และได้มีการประสานเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุปรากฏต่อมาว่า พบศพติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าวด้วย

กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุดังกล่าวจากศูนย์บริหารจัดการจราจร (CCB) พัทยา ว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.45 น. จากนั้นจึงได้ประสานศูนย์วิทยุกู้ภัยแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวน รวม 9 นาย ให้รีบเข้า ให้การช่วยเหลือ อำนวยการจราจรจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 07.54 น. ได้ร่วมกันตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งหมด ยืนยันว่า ไม่พบผู้บาดเจ็บ ญาติ หรือผู้เสียชีวิต จึงได้เคลื่อนย้ายรถไปเก็บไว้ที่หน่วยสอบสวนเขาเขียว เมื่อเวลา 09.28 น.

จากนั้น พนักงานสอบสวนได้ติดตามพร้อมสอบถามไปยังโรงพยาบาล หน่วยกู้ภัยในพื้นที่ และสอบถามทางญาติ ทราบว่ายังไม่พบตัวผู้ขับขี่ จึงได้เข้าไปตรวจสอบที่รถอีกครั้ง เมื่อเวลา 18.00 น. พบมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถ หลังจากนั้น จึงได้แจ้งให้ญาติทราบและทำการชันสูตรพลิกศพ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เมื่อได้รับแจ้งจากศูนย์ควบคุมการจราจร (CCB) กรณีเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง รถวิทยุตรวจเขต รถยก รถกู้ชีพ จะเข้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบสภาพสถานที่เกิดเหตุ มีการกีดขวางการจราจรหรือไม่ พร้อมตรวจสอบผู้ประสบเหตุ ผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือผู้เสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหาย

โดยกรณีอุบัติเหตุดังกล่าว เมื่อได้รับแจ้งเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รีบเข้าตรวจสอบบริเวณสถานที่เกิดเหตุ และตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าวแล้วไม่พบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในตัวรถ เชื่อว่า มีพลเมืองดีนำผู้ผู้บาดเจ็บหรือผู้ขับขี่ ส่งโรงพยาบาล จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายรถมาเก็บรักษาไว้ เพื่อตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุต่อไป

ระหว่างนั้นพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบผู้ขับขี่ จึงได้หาข้อมูลติดต่อญาติผู้ขับขี่ทางโทรศัพท์ แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ไปตรวจสอบเอกสารภายในรถ พบว่ามีผู้เสียชีวิตติดอยู่ที่บริเวณใต้พวงมาลัยรถ จึงได้แจ้งแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และอยู่ในระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว กองบังคับการตำรวจทางหลวง ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง และจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยละเอียดเพื่อป้องกันและแก้ไขมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกต่อไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป